ในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ดูแล้วน่าจะต้องอยู่กันแบบนี้ไปอีกหลายเดือน ในการทำงานด้านข้อมูลที่ต้องเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่ อย่างปลอดภัย และคุ้มค่าใช้ทดแทน Cloud หรือ HDD แบบพกพกไปได้เลย
เราสามารถลงทุนกับระบบ NAS ของ Synology เพียงครั้งเดียว ซื้อตัวเครื่องแบบที่เหมาะกับองค์กร (แนะนำว่าเผื่อเอาไว้หน่อย) ซึ่งความจุในการใช้ NAS นั้น HDD เราอยู่ที่ระดับ TB ทั้งนั้น ถ้าไปเช่าใช้ Cloud ระดับความจุนี้จ่ายเดือนนึงก็หลายร้อยบาท เลือกใช้เป็น NAS ลงทุนแล้วหารค่าใช้จ่าย แค่ไม่ถึง 3 ปีก็ถอนทุนแล้ว
สิ่งที่ NAS ดีเหนือกว่าการใช้ HDD พกพาก็คือ มีระบบ RAID ที่สามารถใส่ฮาร์ดดิสก์ได้หลายลูก แล้วร่วมกันทำงานเพื่อเป็นตัวสำรองข้อมูลได้ เพื่อป้องกันหากมีการเสียหายของ HDD ก็จะยังมีสำรองเอาไว้อีกชั้น ถ้าใช้แบบพกพา บางทีแค่ใส่กระเป๋ากระแทกกระเทือนก็เจอปัญหาแล้ว ข้อมูลในการทำงานของเรานั้นมีค่ามากกว่าที่จะต้องไปเสี่ยง นี่จึงเป็นระบบการเก็บสำรองข้อมูลที่ลดความเสี่ยงในการสูญหายได้ดีมากๆ
Synology ออกแบบระบบการใช้งาน NAS ให้เป็นเรื่องที่เรียนรู้ได้ไม่ยาก เริ่มต้นเพียงแค่ประกอบ, ใส่ฮาร์ดดิสก์ จากนั้นเปิดเครื่องแล้วเสียบสาย LAN เข้ากับเราเตอร์ จากนั้นก็เริ่ม Setup ผ่านบราวเซอร์ของคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะเข้าไปในส่วนของ DiskStation Manager (DSM) ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการของ NAS ที่ Synology พัฒนามาให้เหมือน OS ที่ใช้ง่ายมากๆ
ใน DiskStation ยังมีโปรแกรมย่อย สำหรับติดตั้งใช้งานใน NAS เพื่อทำงานด้านจัดเก็บข้อมูลได้อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการไฟล์ ไปจนติดตั้งทำเว็บ Intranet หรือ Mail Server ก็ยังทำได้
NAS นั้นมีหลายสเปค รวมถึงการรองรับการใช้งานที่ต่างกันไป แยกตามปริมาณข้อมูล, ความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูล และความต้องการด้านการสำรองไฟล์ เราสามารถเลือกใช้ HDD ที่เน้นเรื่องความแข็งแรงทนทาน หรือจะเลือกเป็น SSD ที่เน้นเรื่องความเร็วในการส่งถ่ายข้อมูล และถ้าต้องการเพิ่มขนาดก็สามารถซื้อมาเพิ่มได้
สำหรับใครอยากรู้ว่าต้องเลือกใช้กี่เบย์ถึงจะเหมาะกับความต้องการ แนะนำเข้าไปดูในหน้า คำนวน RAID เพื่อดูว่าคุณต้องใช้ฮาร์ดดิสก์ขนาดเท่าไร จำนวนกี่ลูก จึงจะได้ RAID ในการใช้งานที่ต้องการ
นี่คือสิ่งที่ตอบโจทย์ของการทำงาน Work from Home ด้วย NAS ของ Synology คือ เราสามารถเชื่อมต่อเข้าถึงข้อมูลใน NAS ได้จากที่ไหนก็ได้ ผ่านระบบ QuickConnect ID เราสามารถสร้าง User พร้อมตั้งการอนุญาตให้เข้ามาใช้งานไฟล์ใน NAS ได้ ไม่จำเป็นต้องจำ IP ให้ยุ่งยาก ใช้เป็น ID ก็เชื่อมต่อได้เลยโดยจะเข้าผ่านคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนก็ได้ พูดง่ายๆ ก็เหมือนเรามี Cloud ส่วนตัวเอาไว้ที่บ้านของเราเองเลย
เมื่อติดตั้งเอาไว้ในเน็ตเวิร์คแล้ว เราสามารถมองเห็น NAS เป็นฮาร์ดดิสก์ในระบบ ที่จะเข้าไปใช้งานจากคอมพิวเตอร์ ได้ทั้ง Windows PC และ Mac หรือจะใช้สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต ก็มีแอพพลิเคชั่นให้ใช้งานได้ด้วย ทำให้มีศูนย์รวมของข้อมูลอยู่จุดเดียว และเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์ และยังมี Synology Drive ที่ช่วยจัดการซิงค์ไฟล์ให้อีกด้้วย
Synology นั้น ถือเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเรื่องอุปกรณ์เน็ตเวิร์คตั้งแต่ระดับเซิร์ฟเวอร์องค์กรขนาดใหญ่ ดังนั้นมั่นใจเรื่องการรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลได้เลย ตัว DiskStation Manager มีการบริหารจัดการทั้งเรื่องกำหนดสิทธิ์ผู้ใช้งาน รวมไปถึงยังมี Drive Admin Console ที่ช่วย restore ย้อนเวอร์ชันข้อมูลได้ ที่เอาไว้แก้ปัญหาเวลาที่ไฟล์โดน Ransomware หรือความผิดพลาดจากการทำงานได้ด้วย
สำหรับใครที่ใช้ Mac เราสามารถเซ็ตให้ NAS สร้างพื้นที่เพื่อสำรองด้วย Time Machine มาเก็บสำรองให้อัตโนมัติได้ รวมถึงยังมีแอพ Moment ในสมาร์ทโฟน ที่จะทำการแบ็คอัพไฟล์ภาพและวิดีโอในมือถือมาเก็บให้ใน NAS ทันทีที่เข้ามาใน Wi-Fi ที่บ้าน เหมือนใช้ iCloud หรือ Google Photo เลย แต่อันนี้เรามีพื้นที่ไม่จำกัด ไม่โดนบีบอัดความละเอียด แล้วก็ไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่มด้วย
หรือแม้แต่จะไปเที่ยวหรืออยู่นอกบ้าน นอกออฟฟิศ อยากจะแบ็คอัพหรือเก็บไฟล์ ก็เชื่อมต่อ Wi-Fi แล้วสั่งอัพโหลดภาพไปเก็บ เพื่อเป็นการป้องกันข้อมูลสูญหายได้
อีกความสามารถ ที่เหมาะสำหรับบ้านยุคใหม่ ที่เราสามารถเก็บไฟล์มัลติมีเดีย ทั้งวิดีโอ เพลง ภาพ เอาไว้ใน NAS แล้วใช้อุปกรณ์อย่าง Smart TV เข้ามาเปิดเล่นได้ทันที หรือจะผ่านทางแอพ Video Station และ DLNA Support ก็ได้ด้วย
Line : @buyall (มีเครื่องหมาย@ด้วย)
Email : info@panmakapmue.co.th
โทร : 081-9160211 , 081-9160211