NVIDIA GeForce RTX 30 Series ถือเป็นการพัฒนาต่อยอดมาจาก RTX 20 Series เดิมซึ่งเปิดตัวมาเมื่อราว 2 ปีก่อน โดยใช้รหัสพัฒนาว่า Ampere (GA102) ที่ลดเทคโนโลยีการผลิตเหลือ 8 นาโนเมตร ต่อยอดมาจากรหัสเดิมคือ Turing (TU102) ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิต 12 นาโนเมตร โดย Ampere จะมีทรานซิสเตอร์ 44.6MT / mm2 (GA102) เทียบกับ 24.7 MT / mm2 สำหรับ Turing (TU102) Ampere RTX GPU ที่ใหญ่ที่สุด – GA102 มีทรานซิสเตอร์ 28 พันล้านตัวและขนาดแม่พิมพ์ 628.4 mm2 GPU นี้จะใช้สำหรับ GeForce RTX 3090 และ RTX 3080 รุ่นเรือธงมี Multiprocessor 82 ตัวพร้อม 328 Tensor cores และ 82 RT cores (ray tracing cores) นอกจากนี้ยังมีบัสหน่วยความจำ 384 บิตและแคช L2 6MB
ส่วนรุ่นเล็ก GA104 RTX 3070 มีทรานซิสเตอร์ 17.4 พันล้านตัวและขนาดแม่พิมพ์ 392 มม. , 46 SM ที่เปิดใช้งานดังนั้นจำนวน Tensors คือ 184 และ RT cores คือ 46 GPU นี้มีบัสหน่วยความจำ 256 บิตและ 4MB ของแคช L2
เมื่อลองเทียบสเปคทั้ง 3 รุ่น กับ RTX 2080 Ti จะเห็นถึงความต่างที่เห็นได้ชัดมาก แม้จะเป็นรุ่นเล็กอย่าง RTX 3070 ก็ยังมี CUDA Core มากกว่า RTX 2080 Ti แบบ 5888 / 4352 และยังมีอีกหลายส่วนที่สเปคดีกว่า ในราคาที่ถูกกว่าราวเท่าตัว (RTX 2080Ti จะยังเหนือกว่าบ้างในส่วนของความจ / บัสของตัวแรม และแบนวิธที่สูงกว่า)
โดยรุ่นพี่ใหญ่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 3090 พี่ใหญ่ที่สุดรองรับ 8K ได้ด้วยการ์ดใบเดียว (ขณะที่ RTX 2080Ti 2 ตัวทำ SLI ยังไม่ค่อยจะไหวเลย) รวมไปถึง NVIDIA GeForce RTX 3070 น้องเล็ก แต่แรงระดับเดียวกับ RTX 2080 Ti เลยทีเดียว
นอกจากสเปคแล้วทาง NVIDIA ยังได้พัฒนา RT Core รุ่นที่สองซึ่งช่วยเพิ่มการเร่งความเร็ว ray tracing อีกทั้ง RT Core ยังช่วยจัดลำดับชั้นของข้อมูลใหม่ (BVH) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ดีกว่าวิธีการแบบดั้งเดิมและเรียบง่ายด้วยโปรเซสเซอร์สตรีม SIMD นอกจากนั้นยังลดเอฟเฟกต์ภาพเบลอจากการเคลื่อนไหวใน real-time ray tracing อีกด้วย เอาเป็นว่าช่วยให้การทำงานของ real-time ray tracing สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นละครับในส่วนของแผงวงจร NVIDIA GA102 PCB ของ GeForce RTX 3080 Founders Edition เองเอาจริงก็เล็กกว่าเดิมมาก ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง เน้นที่ระบบระบายความร้อนมากขึ้น ปรับไปใช้คอนเน็กเตอร์ PCI-Express 4.0 ซึ่งแตกต่างจาก RTX 3090 ตรงที่การออกแบบบอร์ดนี้มีโมดูลหน่วยความจำสองโมดูลที่ขาดหายไปและไม่มีขั้วต่อ NVLink (ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของรุ่น RTX 3090) สามารถติดตั้งโมดูล GDDR6X ได้ทั้งหมด 12 โมดูลบนบอร์ดนี้ แต่ RTX 3080 มีเพียง 10 โมดูลเท่านั้น หรือง่ายๆว่า RTX 3080 กับ RTX 3090 จะใช้พอร์ตแบบเดียวกัน (แต่ไหง RTX 3090 มันใหญ่จังหว่า น่าจะเพื่อการระบายความร้อนล้วนๆ)
โดยภาคจ่ายไฟของ RTX 3080 จะมีทั้งหมด 18 เฟส (มีเว้นไว้ 2 เฟส สำหรับ RTX 3090) อีกหนึ่งจุดสำคัญของ RTX 30 Series คือขั้วต่อสายไฟ 12 พิน Molex Microfit ใหม่ที่สามารถจ่ายพลังงานได้ถึง 300W ซึ่งจะวางตำแหน่งแนวเฉียง 45 องศา อยู่ทางด้านบน เพื่อให้เขากับแนวของฟินระบายความร้อน ใช้ขั้วต่อที่เล็กลงกว่าเดิม แต่จ่ายไฟได้มากขึ้น และน่าจะเป็นอนาคตของสายไฟเชื่อมต่อ (ซึ่ง NVIDIA แถมสายแปลงมาให้แล้ว)
โดย PCB ลักษณะนี้จะเป็นเฉพาะการ์ดของ Founders Edition ที่ทาง NVIDIA ผลิตเอง ส่วนการ์ด custom ของค่ายอื่นๆก็จะแตกต่างกันออกไป ไม่เหมือนแบบนี้เสียทีเดียว เพราะแต่ละแบรนด์ก็จะปรับแต่งตัวการ์ดแตกต่างกันไป เช่นเพิ่มไฟ RGB มีการโอเวอร์คล๊อคจากโรงงาน หรือชุดระบายความร้อนที่จัดเต็มมากยิ่งขึ้น
Line : @buyall (มีเครื่องหมาย@ด้วย)
Email : info@panmakapmue.co.th
โทร : 081-9160211 , 081-9160211